เลือกคลินิกกายภาพบำบัดในภูเก็ตอย่างไรให้ปลอดภัย เห็นผลไว และคุ้มค่า

เลือกคลินิกกายภาพบำบัดในภูเก็ตอย่างไรให้ปลอดภัย เห็นผลไว และคุ้มค่า

อาการปวดหลัง ปวดคอ เจ็บเข่า หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ล้วนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน หลายคนเลือกกายภาพบำบัดเป็นทางออกในการฟื้นฟูร่างกายโดยไม่ต้องพึ่งยา หรือผ่าตัด แต่การจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการทำกายภาพบำบัดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การรักษาเท่านั้น แต่ ขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน

สำหรับผู้ที่อยู่ในภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีทั้งคนไทย และชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวเลือกของคลินิกกายภาพบำบัดมีอยู่หลากหลาย แต่จะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับอาการ ปลอดภัย ไม่เสียเงินเปล่า และเห็นผลจริง?

เลือกคลินิกกายภาพบำบัดในภูเก็ตอย่างไรให้ปลอดภัย เห็นผลไว และคุ้มค่า

 

กายภาพบำบัด คืออะไร?

กายภาพบำบัด (Physical Therapy) คือศาสตร์แห่งการฟื้นฟูร่างกายที่มุ่งเน้นให้บุคคลกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลดความเจ็บปวด โดยไม่ใช้ยา ไม่พึ่งการผ่าตัด และไม่ใช้วิธีการรุกรานร่างกาย

กายภาพบำบัดใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น

  • การออกกำลังกายบำบัด (Therapeutic Exercises): การบริหารร่างกายเฉพาะส่วน เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแรง และปรับสมดุลกล้ามเนื้อ
  • เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Therapy): การนวด ดัด ขยับข้อ หรือคลายกล้ามเนื้อโดยนักกายภาพบำบัด
  • การใช้เครื่องมือกายภาพ เช่น
    • อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy): คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการอักเสบ
    • เลเซอร์บำบัด (Laser Therapy): ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ
    • กระแสไฟฟ้ารักษา (TENS/IFC): บรรเทาอาการปวด หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อ
  • การฝึกการเคลื่อนไหว และ การฝึกการทรงตัว เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพโดยรวม

กายภาพบำบัดไม่เพียงช่วยรักษาอาการปวด หรือบาดเจ็บ แต่ยังช่วย “ป้องกัน” การบาดเจ็บซ้ำ และชะลอความเสื่อม ของระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และประสาท โดยเน้นให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มศักยภาพ

กายภาพบำบัดเหมาะกับใคร?

กายภาพบำบัดสามารถใช้ได้กับคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีอาการปวดเฉียบพลัน เรื้อรัง หรือกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังการรักษาอื่น ๆ โดยกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับกายภาพบำบัด ได้แก่

  • ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น
    • ปวดหลังส่วนล่าง (Low Back Pain)
    • ปวดคอ ไหล่ ข้อศอก หรือข้อมือ
    • ปวดเข่า ข้อเท้า หรือสะโพก
    • หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือข้อเสื่อม
  • ผู้มีอาการ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) กลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มีอาการตึง ชา ปวดคอ บ่า ไหล่จากการนั่งนาน พฤติกรรมซ้ำซาก หรือท่าทางไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยกายภาพบำบัดแบบยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อ และแก้ท่าทางการทำงาน
  • ผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท
    • อัมพฤกษ์ อัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
    • ผู้ป่วยพาร์กินสัน หรือปลายประสาทอักเสบ
    • ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น พูดชัดขึ้น และใช้ชีวิตอย่างพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
  • ผู้ป่วยหลังผ่าตัดกล้ามเนื้อหรือข้อ เช่น หลังผ่าตัดเข่า สะโพก ไหล่ เอ็นไขว้หน้า หรือกระดูกหัก โดยกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด และบวม เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และฝึกเดินใหม่อย่างปลอดภัย
  • ผู้ที่บาดเจ็บจากกีฬา นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายแล้วได้รับบาดเจ็บ เช่น ข้อพลิก กล้ามเนื้อฉีก เส้นเอ็นอักเสบ ซึ่งต้องได้รับการฟื้นฟูแบบเฉพาะทาง เพื่อกลับไปเล่นกีฬาได้อย่างมั่นใจ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
  • ผู้สูงอายุ กายภาพบำบัดช่วยป้องกันการล้ม เสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อ พัฒนาสมดุลร่างกาย และเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่มีปัญหาเข่าเสื่อม หรือเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก
ทำไมการเลือกคลินิกถึงสำคัญ

ทำไมการเลือกคลินิกถึงสำคัญ?

กายภาพบำบัดเป็นกระบวนการรักษาที่เน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายอย่างมีเป้าหมายชัดเจน และต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางของนักกายภาพบำบัดควบคู่กับอุปกรณ์ และเทคนิคที่เหมาะสม ดังนั้น การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน จึงเป็นก้าวแรกที่จะกำหนดว่า การรักษาของคุณจะได้ผล หรือเสียเปล่า

ต่อไปนี้คือเหตุผลว่าทำไมคุณควรให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกอย่างถี่ถ้วน

  • ได้รับการดูแลจากนักกายภาพบำบัดวิชาชีพ คลินิกที่ดีต้องมี นักกายภาพบำบัดที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพ จากสภากายภาพบำบัด ซึ่งรับรองว่าผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ ความสามารถ และปฏิบัติตามจรรยาบรรณ เพราะการทำกายภาพบำบัดกับบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาต หรือไม่มีความรู้เฉพาะทาง อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เช่น
    • ใช้เทคนิคไม่เหมาะสม
    • ทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำ
    • ไม่สามารถวินิจฉัยอาการที่แท้จริงได้
  • ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เครื่องมือกายภาพบำบัด เช่น เครื่องอัลตราซาวด์ เลเซอร์ เครื่องดึงหลัง เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ต้องได้รับการสอบเทียบ ดูแลรักษา และใช้โดยผู้มีความชำนาญและคลินิกที่มีมาตรฐาน จะมีการ
    • ตรวจสอบสภาพเครื่องมือสม่ำเสมอ
    • ใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย
    • อธิบายให้คนไข้เข้าใจวิธีใช้งานก่อนเริ่มการรักษา
    • ในทางกลับกัน คลินิกที่ไม่มีมาตรฐานอาจใช้เครื่องมือที่เก่า ไม่มีการบำรุงรักษา และทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบเช่นผิวไหม้ กล้ามเนื้อหดเกร็ง หรือไม่เกิดผลใด ๆ เลย
  • แผนการรักษาออกแบบเฉพาะบุคคล เพราะร่างกายของแต่ละคนมีปัญหา และเป้าหมายที่แตกต่างกัน การรักษาแบบสำเร็จรูป หรือใช้วิธีเดียวกับผู้ป่วยทุกราย เป็นแนวทางที่ไม่เหมาะสม โดยคลินิกที่ดี จะมีการ
    • ซักประวัติ และประเมินร่างกายโดยละเอียด
    • วิเคราะห์สาเหตุของอาการ ไม่เพียงแต่รักษาที่ปลายเหตุ
    • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น จำนวนครั้ง เป้าหมาย และการติดตามผล
    • เมื่อมีแผนการที่เหมาะสม โอกาสในการฟื้นตัวก็จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
  • ลดโอกาสการรักษาผิดวิธี หรือบาดเจ็บซ้ำ หากคลินิกไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือขาดการประเมินอย่างถูกต้อง อาจทำให้
    • รักษาผิดจุด เช่น ใช้เทคนิคคลายกล้ามเนื้อ ทั้งที่ต้นเหตุคือเส้นประสาท
    • ไม่เข้าใจข้อจำกัดของผู้ป่วย เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคประจำตัว
    • ใช้แรงดัด หรือยืดผิดท่าจนบาดเจ็บซ้ำ
    • ความเข้าใจทางกายวิภาคศาสตร์ และพยาธิสภาพ คือหัวใจของกายภาพบำบัด คลินิกที่ดีต้องมีทีมงานที่สามารถวิเคราะห์ และป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ได้
  • มั่นใจได้ว่าการรักษาเห็นผลจริง ไม่เสียเงินเปล่า การทำกายภาพบำบัดมักต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง การเสียเงินและเวลาไปกับการรักษาที่ไม่ได้ผลจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ทั้งในแง่เศรษฐกิจและสุขภาพจิต โดยคลินิกที่มีมาตรฐานจะ
    • ประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เช่น วัดค่าความเคลื่อนไหว วัดระดับความเจ็บปวด
    • ปรับแผนการรักษาหากอาการไม่ดีขึ้น
    • แนะนำวิธีดูแลตนเองที่บ้านเพื่อเสริมผลลัพธ์
    • ในขณะที่คลินิกที่ไม่มีคุณภาพ อาจยืดเวลาการรักษาโดยไม่จำเป็น หรือทำซ้ำโดยไม่มีแผนที่ชัดเจน

ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกคลินิกกายภาพบำบัดในภูเก็ต

ใบอนุญาตถูกต้อง และมีนักกายภาพบำบัดวิชาชีพ

คลินิกต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และมี นักกายภาพบำบัดที่ได้รับใบประกอบโรคศิลปะ จากสภากายภาพบำบัด โดยเฉพาะในภูเก็ต ซึ่งมีทั้งคลินิกของรัฐ เอกชน และ Wellness center ต้องตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตแสดงอย่างชัดเจน

วิธีตรวจสอบ

  • ดูจากเว็บไซต์ของสภากายภาพบำบัด
  • ตรวจสอบป้ายชื่อ และใบอนุญาตในสถานที่จริง

มีการประเมินก่อนเริ่มการรักษา

คลินิกที่ดีจะ ไม่รีบรักษาโดยไม่มีการซักประวัติ และตรวจร่างกาย แผนการบำบัดควรถูกออกแบบเฉพาะบุคคล ไม่ใช่สูตรสำเร็จเหมือนกันทุกคน เช่น คนปวดหลังจากยกของกับคนที่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ต้องใช้วิธีต่างกัน

อุปกรณ์ และสิ่งแวดล้อมได้มาตรฐาน

  • มีเครื่องมือกายภาพ เช่น อัลตราซาวด์, เลเซอร์, เครื่องดึงคอ/หลัง
  • มีเตียงปรับระดับ, ลูกบอล, ยางยืด
  • สถานที่สะอาด ปลอดภัย โปร่งโล่ง
  • มีการฆ่าเชื้อ และดูแลความสะอาดอย่างต่อเนื่อง

มีแผนการรักษาอย่างเป็นระบบ

  • แผนการรักษาระยะสั้น-ระยะยาว
  • เป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดปวด เพิ่มการเคลื่อนไหว
  • การติดตามผล เช่น ประเมินอาการทุก 3 ครั้ง
  • ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองที่บ้าน

ความชัดเจนเรื่องราคา และคอร์ส

  • ค่ารักษาแต่ละครั้งราคาเท่าไหร่
  • มีคอร์สเหมา หรือไม่
  • ใช้สิทธิ์ประกันสังคม หรือประกันสุขภาพได้ไหม
  • มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง หรือไม่

ความสะดวกด้านการเดินทาง และบริการ

  • อยู่ใกล้บ้าน/ที่ทำงาน/โรงแรม
  • มีที่จอดรถ หรือไม่
  • เปิดบริการวันเสาร์–อาทิตย์ หรือหลังเลิกงานไหม
  • มีบริการถึงบ้าน หรือไม่ (Home visit)
เปรียบเทียบคลินิกกายภาพบำบัดแต่ละประเภท

เปรียบเทียบคลินิกกายภาพบำบัดแต่ละประเภท

การเข้ารับบริการกายภาพบำบัดในปัจจุบันมีตัวเลือกหลากหลาย ตั้งแต่คลินิกเอกชนที่เน้นความรวดเร็วทันสมัย ไปจนถึงศูนย์ชุมชนที่ราคาย่อมเยา และศูนย์ Wellness & Resort ที่ผสมผสานการฟื้นฟูร่างกายกับไลฟ์สไตล์พักผ่อน โดยแต่ละรูปแบบมี ข้อดี–ข้อจำกัด ที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประเภทข้อดีข้อจำกัด
คลินิกเอกชน– บริการรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน– มีเครื่องมือทันสมัย เช่น Shockwave, อัลตราซาวด์, เลเซอร์– มีนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง– ค่ารักษาค่อนข้างสูงกว่าศูนย์ของรัฐ– อาจไม่มีสิทธิ์เบิกจ่ายจากบัตรทองหรือประกันสังคม
ศูนย์สาธารณสุขชุมชน– ราคาเป็นมิตร เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทั่วไป– ใช้สิทธิ์บัตรทอง (หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ได้– มีบริการกายภาพขั้นพื้นฐาน– คิวอาจยาว ต้องจองล่วงหน้า– เปิดทำการเฉพาะวันราชการ– อุปกรณ์อาจไม่ทันสมัยเท่าเอกชน
Wellness & Resort– บรรยากาศดี ผ่อนคลาย– รวมโปรแกรมฟื้นฟูกับการท่องเที่ยว เช่น สปา โยคะ อาหารสุขภาพ– เหมาะสำหรับต่างชาติ ผู้มีรายได้สูง หรือผู้ต้องการพักฟื้นหลังผ่าตัด

กายภาพบำบัดแบบไหนที่คุณต้องการ?

การเลือกประเภทของกายภาพบำบัดให้เหมาะสมกับอาการ และเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละแบบมีเทคนิค วิธีการ และจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบหลัก ดังนี้

แบบ Manual Therapy (นักกายภาพใช้มือ)

เป็นเทคนิคที่นักกายภาพบำบัดใช้มือ โดยตรงในการ

  • ขยับข้อต่อ (Joint mobilization)
  • คลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง หรือตึง (Soft tissue release)
  • นวดบำบัด หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุด

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
  • ผู้มีภาวะข้อติด เช่น ข้อไหล่ติด
  • ผู้ป่วยหลังการอักเสบเฉียบพลัน

ข้อดี รู้สึกผ่อนคลายทันที เห็นผลเร็วในด้านความยืดหยุ่น ลดอาการปวดเฉพาะจุดได้ดี

แบบใช้เครื่องมือช่วย (Modalities)

เป็นการใช้ เครื่องมือทางกายภาพ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นฟู เช่น

  • อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy): ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  • ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy): คลื่นกระแทกแรงสูง ใช้รักษากล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง เอ็นอักเสบ จุดกดเจ็บ
  • กระแสไฟฟ้าบำบัด (TENS, IFC): ช่วยลดอาการปวด หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อในรายที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีภาวะอักเสบ เช่น เอ็นอักเสบ ไหล่ติด
  • กลุ่มที่มีอาการปวดเรื้อรัง และการเคลื่อนไหวจำกัด

ข้อดี ลดอาการปวดได้รวดเร็ว ฟื้นฟูได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก เหมาะกับผู้เริ่มต้น หรืออ่อนแรง

โปรแกรมฟื้นฟูหลังผ่าตัด

เป็นโปรแกรมเฉพาะสำหรับผู้ที่ ผ่าตัดข้อ กล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็น เช่น

  • ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
  • ผ่าตัดหมอนรองกระดูก
  • ผ่าตัดกระดูกหัก/ซ่อมเส้นเอ็น ACL

เป้าหมายของโปรแกรม

  • ลดบวม ลดปวด
  • เพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อ
  • ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และการทรงตัว
  • ป้องกันพังผืด และข้อยึดติด

ข้อดี ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อฝ่อ หรือข้อยึดติด

โปรแกรมกายภาพสำหรับผู้สูงอายุ

เน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้สูงวัย เช่น

  • เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และข้อ
  • ป้องกันการหกล้ม
  • เพิ่มสมดุล (Balance training)
  • ฝึกเดิน หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน

เหมาะกับใคร

  • ผู้สูงอายุที่เริ่มเคลื่อนไหวไม่คล่อง
  • ผู้ที่ล้มบ่อย หรือมีภาวะข้อเสื่อม

ข้อดี ลดความเสี่ยงการหกล้ม เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และชะลอความเสื่อมของร่างกาย

โปรแกรมสำหรับนักกีฬา (Sports Rehab)

เน้นฟื้นฟูแบบเฉพาะกิจหลังการบาดเจ็บจากกีฬา หรือใช้เป็นโปรแกรมเสริมความแข็งแรงเพื่อ ป้องกันการบาดเจ็บ

ตัวอย่างการใช้งาน

  • ฟื้นตัวจากข้อเท้าพลิก กล้ามเนื้อฉีก เอ็นอักเสบ
  • ป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ เช่น Runner’s knee, Tennis elbow
  • ปรับสมดุลร่างกายให้เหมาะกับกีฬาแต่ละประเภท

ข้อดี ช่วยให้นักกีฬากลับไปซ้อม หรือแข่งขันได้เร็ว และปลอดภัย พร้อมพัฒนาองค์ประกอบด้านความฟิตที่เหมาะกับกีฬานั้น ๆ

เคล็ดลับก่อนเข้ารับการรักษากายภาพบำบัด

เพื่อให้การทำกายภาพบำบัดเห็นผลได้ดี และปลอดภัย คุณควรเตรียมตัวล่วงหน้าดังนี้

  • เตรียมผลตรวจ หรือฟิล์มเอกซเรย์ถ้ามี
    • หากเคยผ่านการตรวจ MRI, X-ray หรือ CT Scan ควรนำผล หรือภาพถ่ายมาด้วย
    • ช่วยให้นักกายภาพเข้าใจอาการได้ลึกขึ้น วางแผนการบำบัดได้แม่นยำ ไม่ซ้ำซ้อน
  • ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ เคลื่อนไหวง่าย
    • เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือเลกกิ้ง
    • หลีกเลี่ยงกางเกงยีนส์ หรือเสื้อผ้าที่รัดแน่น เพราะอาจรบกวนการเคลื่อนไหว หรือการตรวจร่างกาย
  • สอบถามนักกายภาพบำบัดให้ชัดเจน
    • ถามให้เข้าใจถึง เป้าหมายของการรักษา
    • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการ ความเจ็บ ประวัติการรักษาอย่างตรงไปตรงมา
    • สื่อสารถึงความกลัว หรือความไม่สบายใจ เพื่อให้ปรับแผนได้เหมาะสม
  • อย่าอดอาหารมาก่อนทำกายภาพ
    • การบำบัดบางประเภท เช่น การออกกำลังกาย หรือเครื่องกระตุ้น อาจทำให้เหนื่อย หรืออ่อนแรง
    • ควรรับประทานอาหารเบา ๆ ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายพร้อมใช้งาน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัด

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นการรักษา หรืออยู่ในกระบวนการฟื้นฟูแล้ว หลายคนยังมีคำถาม และข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดอยู่เสมอ ด้านล่างนี้ คือ คำถามยอดฮิต พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย และครอบคลุม

Q: ต้องทำกายภาพบำบัดกี่ครั้งถึงจะหาย?

A: ขึ้นอยู่กับประเภทของอาการ ความรุนแรง และเป้าหมายของการฟื้นฟู เช่น

  • กรณีปวดกล้ามเนื้อจากออฟฟิศซินโดรมทั่วไป → อาจดีขึ้นใน 3–5 ครั้ง
  • กรณีเอ็นอักเสบเรื้อรัง หรือข้อเสื่อม → อาจต้องใช้เวลา 6–10 ครั้ง
  • กรณีฟื้นฟูหลังผ่าตัด → อาจใช้เวลา มากกว่า 12 ครั้ง หรือเป็นรายเดือน

นักกายภาพบำบัดจะประเมินเป็นรายบุคคล และปรับแผนตามพัฒนาการของผู้ป่วย

Q: การทำกายภาพบำบัดเจ็บไหม?

A: โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรรู้สึกเจ็บ ในระหว่าง หรือหลังการรักษา อาจมีความรู้สึก

  • ตึงเล็กน้อยจากการยืดกล้ามเนื้อ
  • ล้ากล้ามเนื้อหากมีการออกกำลังกายเฉพาะจุด
  • อุ่น หรือรู้สึกแปลกใหม่ในบริเวณที่ได้รับการบำบัด

หากมีอาการเจ็บ เกินระดับที่ทนได้ หรือปวดมากผิดปกติ ควรแจ้งนักกายภาพบำบัดทันที เพื่อปรับเทคนิคหรือความเข้มข้นของการบำบัดให้เหมาะสม

Q: ถ้าทำกายภาพแล้วอาการแย่ลง ต้องทำอย่างไร?

A: หากรู้สึกว่าอาการแย่ลง เช่น

  • ปวดมากกว่าเดิม
  • บวม  หรือขยับได้น้อยลง
  • ชา หรืออ่อนแรงใหม่ ๆ

ให้รีบแจ้งนักกายภาพบำบัดทันที เพื่อ

  • ประเมินว่าเกิดจากกระบวนการฟื้นฟู หรือเป็นสัญญาณของปัญหาใหม่
  • ปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน หรืออาการซ้ำซ้อน

Q: ทำกายภาพแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?

A: มีโอกาสเป็นได้ หาก

  • ไม่ปรับพฤติกรรมที่เป็นต้นเหตุ เช่น นั่งผิดท่า นอนผิดท่า ยกของหนัก
  • ไม่ออกกำลังกาย หรือดูแลกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง
  • มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อระบบกล้ามเนื้อ เช่น เบาหวาน ภาวะข้อเสื่อม

ทางออก นักกายภาพจะสอนท่าออกกำลังกายที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน และให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรม เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

Q: ถ้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังต้องทำต่อไหม?

A: ถึงแม้อาการจะดีขึ้นในระยะสั้น แต่หากยังไม่ได้ทำครบตามแผนการฟื้นฟูทั้งหมด ร่างกายอาจยัง

  • ไม่ฟื้นฟูสมรรถภาพเต็มที่
  • ไม่เสริมความแข็งแรงเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

จึงแนะนำให้ ทำจนครบคอร์สที่นักกายภาพวางแผนไว้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

Q: สามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองที่บ้านได้ไหม?

A: สามารถทำได้ บางส่วน เช่น

  • ท่ายืดเหยียด
  • ท่าออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อ
  • การใช้ความร้อนเย็นบรรเทาอาการ

แต่สำหรับการรักษาเฉพาะด้าน เช่น การปรับข้อ เทคนิคมือ หรือการใช้อุปกรณ์พิเศษ ควรได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน

Q: กายภาพบำบัดใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง?

A: ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการ

  • ศูนย์ของรัฐ: ใช้ได้กับบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ), ประกันสังคม, สิทธิข้าราชการ
  • คลินิกเอกชน: บางแห่งรับสิทธิประกันสุขภาพเอกชน หรือประกันกลุ่ม แต่หลายแห่งต้องจ่ายเอง
  • Wellness Resort: โดยทั่วไปไม่ครอบคลุมสิทธิ์ของรัฐ มักเป็นบริการแบบจ่ายตรง

ควรสอบถามก่อนเข้ารับบริการทุกครั้งเพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

ทำไมต้องเลือกกายภาพบำบัดที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก?

เมื่อพูดถึงการเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่ให้ทั้งความ ปลอดภัย เห็นผลไว และคุ้มค่า ในจังหวัดภูเก็ต “ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก” คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นและเชื่อถือได้ ด้วยจุดเด่นหลายประการที่ตอบโจทย์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ดังนี้

  • ทีมกายภาพบำบัดมืออาชีพ ใบประกอบวิชาชีพครบ คลินิกมีนักกายภาพบำบัดที่จบจากสถาบันชั้นนำ มีใบอนุญาตวิชาชีพถูกต้องจาก สภากายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย พร้อมประสบการณ์รักษาผู้ป่วยหลากหลายอาการ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
  • ประเมินอย่างละเอียดก่อนเริ่มทุกแผนการรักษา ที่คลินิกไม่มีการรักษาทันที โดยไม่ประเมิน ทุกเคสจะผ่านการวิเคราะห์อย่างลึกจากประวัติ ตรวจร่างกาย และประเมินท่าทาง (Postural assessment) เพื่อให้การรักษาแม่นยำและตรงจุด
  • เครื่องมือทันสมัย ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ที่ใช้ได้รับการรับรองความปลอดภัย เช่น
    – เครื่อง Shockwave Therapy
    – อัลตราซาวด์บำบัด
    – เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (TENS/IFC)
    – เครื่องดึงคอ/ดึงหลัง
    และมีการสอบเทียบอุปกรณ์ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข
  • แผนฟื้นฟูเฉพาะบุคคล ไม่ใช้สูตรสำเร็จ การรักษาจะถูกออกแบบเฉพาะบุคคล ทั้งในด้านเป้าหมาย เช่น ลดปวด เพิ่มการเคลื่อนไหว และการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงให้คำแนะนำการดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อเร่งผลการฟื้นฟู
  • สื่อสารได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เพื่อรองรับทั้งชาวไทยและ นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือผู้พำนักระยะยาวในภูเก็ต ทีมงานสามารถให้คำแนะนำและรักษาเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจน สร้างความมั่นใจตลอดกระบวนการ
  • บรรยากาศสะอาด ผ่อนคลาย เดินทางสะดวก คลินิกตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกแก่การเดินทาง มีที่จอดรถสะดวก บรรยากาศภายในคลินิกสะอาด โปร่ง โล่ง มีมาตรฐานด้านสุขอนามัย และบริการเป็นกันเอง
  • มีบริการ Home Visit สำหรับผู้ไม่สะดวกเดินทาง สำหรับผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ภูเก็ต เมดิคอล คลินิกมีบริการ กายภาพบำบัดถึงบ้าน โดยนักกายภาพบำบัดมืออาชีพ พร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน
  • โปร่งใสเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง แจ้งค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจนก่อนเริ่มการรักษาทุกครั้ง และมีทางเลือกทั้งจ่ายรายครั้ง รายคอร์ส หรือใช้สิทธิประกันสุขภาพเอกชน (เฉพาะบางแผน) เพื่อให้เหมาะกับงบประมาณของผู้ป่วยแต่ละราย

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

การเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่ดีในภูเก็ตไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทาง หรือราคาถูก แต่คือการมองระยะยาวถึงคุณภาพการรักษา ความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่จะได้ หากคุณเลือกอย่างรอบคอบ คุณจะสามารถฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 22.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 228 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์     https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาหอนาฬิกา ตั้งอยู่ที่ 206/8 ถ. ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่  อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 12.00 – 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

เอกสารอ้างอิง

  • American Physical Therapy Association (APTA). How to Choose a Physical Therapist. Guidance for patients seeking safe and effective physical therapy. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.choosept.com/resources/detail/how-to-choose-a-physical-therapist
  • World Physiotherapy (เดิมชื่อ WCPT). Safe and effective physiotherapy practice. Global policy standards for physical therapists. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://world.physio/policy/safe-effective-practice
  • สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย. ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทนักกายภาพบำบัดและแนวทางการประกอบวิชาชีพ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.physicaltherapy.or.th
  • กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการกำกับดูแลคลินิกกายภาพบำบัด และการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://hss.moph.go.th
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). บทบาทของกายภาพบำบัดในระบบปฐมภูมิและการดูแลชุมชน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thaihealth.or.th